Content on this page requires a newer version of Adobe Flash Player.

Get Adobe Flash player

12/26/2555

ไซส์เสื้อผ้าเด็ก จะซื้อตามเว็บดูอย่างไร[เสื้อผ้าเด็ก]


ในโลกยุคอินเตอร์เน็ตอย่างเช่นทุกวันนี้ การเลือกซื้อสินค้าผ่านทางร้านค้าออนไลน์เป็นอีกวิธีที่หนึ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่หลายๆคน ที่ต้องการมีเวลาพักผ่อนและมีเวลาให้กับเด็กๆในวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ชอบพบเจอกับภาวะฝนตก รถติด หรือไม่ชอบเดินห้างเดินตลาดนัด ร้านค้าออนไลน์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถเลือกช้อปสินค้ามากมายผ่านทางอินเตอร์เน็ต รวมไปถึงการเลือกซื้อเสื้อผ้าเด็ก

บางทีการที่ไม่ได้ไปเลือกเสื้อผ้าเด็กหรือไปลองด้วยตัวเอง อาจเป็นปัญหาบ้างสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บางคน ที่พบเจอเสื้อผ้าเด็กที่ถูกใจ แต่เห็นไซส์แล้วกลับเลือกไม่ถูกว่า”เอ๊ ลูกเราควรใส่ไซส์ไหนดีล่ะ” “ไซส์ 90, 100, 110, 120, 130 ???”  “1, 2 , 3 …5, 7 , 8…10, 11…13 ???” อะไรกัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย



ลักษณะขนาดเสื้อผ้าเด็กแบบนี้ ส่วนใหญ่มักพบกับเสื้อผ้าเด็กนำเข้าสไตล์เกาหลี ญี่ปุ่น และจีน ที่เน้นแฟชั่นความสวยงาม อินเทรน์นำสมัย เนื้อผ้าและขนาดของเสื้อผ้าเด็กแต่ละยี่ห้อจะมีรูปแบบแตกต่างกันออกไป เช่น

1Y 2Y 3Y 4Y 5Y 6Y  ขนาดเสื้อผ้าเด็กแบ่งตามอายุของเด็ก
90 100 110 120 130  ขนาดเสื้อผ้าเด็กแบ่งตามความสูงของคุณหนูๆ หน่วยเป็นเซนติเมตร
1 3 5 7 9 11 13 15  ขนาดเสื้อผ้าเด็กที่เป็นเลขคี่
2 4 6 8 10 12 14 16  ขนาดเสื้อผ้าเด็กที่เป็นเลขคู่
วิธีการเลือกเสื้อผ้าเด็ก ง่ายๆมีดังนี้ คือ

วัดจากเสื้อผ้าเดิมที่น้องๆใส่อยู่ ว่ารอบอกเท่าไหร่ รอบเอวเท่าไหร่ ความยาวเท่าไหร่
หลังจากวัดแล้ว เราก็จะได้ขนาดเสื้อผ้าเด็กที่เราต้องการแล้วค่ะ หากต้องการเผื่อโตสักนิด ให้เลือกขนาดเสื้อผ้าเด็กที่ใหญ่ขึ้นมาอีก 1 ไซน์ แต่ถ้าต้องการแบบพอดีตัว กำลังน่ารัก ก็เลือกขนาดที่ใกล้เคียงกับตัวคุณหนูมากที่สุดค่ะ
ควรวัดเทียบไซส์จริงเป็นหลักนะคะ เพราะว่าแต่ละแบบ แต่ละยี่ห้อของเสื้อผ้าเด็ก มีขนาดที่แตกต่างกันไป ขนาดไซส์เดียวกัน อาจมีรอบอก รอบเอว หรือความยาวที่แตกต่างกันออกไป จึงจำเป็นต้องดูที่ขนาดจริงเป็นหลักเทียบไซส์มาตรฐานอย่างเดียวไม่ได้ค่ะ
สำหรับการวัดขนาดกางเกงที่เป็นยางยืด เอว 19-24 นิ้ว หมายถึง ขนาดก่อนยืด-ขนาดที่ยืดได้มากที่สุดค่ะ
ง่ายๆ แค่นี้เอง เราก็สามารถเลือกขนาดเสื้อผ้าเด็กที่เหมาะสมกับลูกรักของเราได้แล้วค่ะ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ยังไม่แน่ใจ ก็สามารถสอบถาม หรือ ปรึกษากับทางพ่อค้าแม่ค้าจากทางเว็บบอร์ดของแต่ละร้านได้นะคะ เพียงแค่บอกอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง โดยประมาณ หรือถ้าสามารถบอกรอบอก รอบเอวได้จะดีมากๆเลยค่ะ เพราะดิฉันคิดว่าพ่อค้าแม่ค้ามีความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการเลือกเสื้อผ้าเด็กอยู่แล้ว รวมทั้งยังเต็มใจที่จะให้บริการกับคุณลูกค้าที่น่ารักอยู่แล้วค่ะ
[เสื้อผ้าเด็ก]

เตรียมห้องนอนเด็กกันดีกว่า!![เตียงเด็ก ห้องนอนเด็ก]


ห้องนอนเด็ก


การนอนหลับเป็นการพักผ่อนร่างกายที่ดีที่สุด ซึ่งเด็กทารกแรกเกิดนั้นจะ นอนหลับเฉลี่ยประมาณ 16 ชั่วโมงต่อวัน โดยอาจจะตื่นขึ้นมาเพื่อกินนม เล่นนิดหน่อย และก็หลับ ดังนั้นช่วงเวลาที่ลูกนอนหลับ (ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของวัน) เราจึงควรเตรียมที่นอน เตียง และอุปกรณ์อื่นๆ ให้เหมาะสมกับลูก ของเรามากที่สุด วันนี้เรามีคำแนะนำการเลือกใช้ เลือกซื้อ หรือการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ มาฝากค่ะ

เตียงเด็ก

ในปัจจุบันยังไม่มีคำแนะนำแบบเจาะจงว่า เราจะต้องให้ลูกไปนอนบนเตียงของเขา (ซื้อเตียงให้ลูกเลยทันที) แต่ผู้รู้หลายๆ ท่านก็แนะนำว่า การให้ลูกนอนแยกจากเตียงของพ่อแม่มีข้อดีหลายๆ อย่าง เช่น

ป้องกันการนอนทับของตัวพ่อแม่เอง
การขยับตัวหรือพลิกตัวของพ่อแม่ (เวลานอนหลับบนเตียงเดียวกับลูก) อาจจะทำให้ลูกตื่นกลางดึก
ต้องการฝึกให้ลูกชินกับที่เตียงของตัวเอง
หากพ่อแม่ท่านไหนคิดว่า อยากจะให้ลูกนอนแยกเตียงกับตัวพ่อแม่ ก็มีอุปกรณ์ให้เลือกมากมาย เช่น

ตะกร้าเด็กใช้ได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึงอายุ 3-4 เดือน ข้อดีคือสามารถพาไปไหนมาไหนได้ง่าย แต่เมื่อลูกโตขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนอยู่ดี เพราะว่าลูกจะตัวใหญ่เกินกว่าจะให้นอนในตระกร้าได้

เปลเหมาะสำหรับเด็กทารกแรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งเปลนี้อาจจะดัดแปลงจากอุปกรณ์หลากหลายได้ หลายๆ ท่านอาจจะเคยเห็นภูมิปัญญาชาวบ้านแบบสมัยก่อนที่เอาผ้ามาดัดแปลงเป็นเปลไกวเด็ก แต่เมื่อ เด็กอายุมากขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนเปลอีกเช่นกัน

เตียงเด็ก มีทั้งแบบที่มีราวกั้นกันตกด้านข้างของเตียง (ราวกั้นถาวร) หรือแบบที่สามารถถอดราวกั้นออกได้ ซึ่งแต่ละแบบนั้นก็มีหลากหลายวัสดุแตกต่างกันไปอีก ซึ่งสามารถใช้ได้กับทารกแรกเกิด จนถึงอายุ 5-6 ขวบ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการลงทุนซื้อที่ค่อนข้างใช้ได้นานพอสมควร แต่ต้องเลือกวัสดุประกอบที่ดีหน่อย เช่น สีที่ใช้ทาอุปกรณ์ของเตียงต้องไม่มีสารตะกั่ว, มีพลาสติกหุ้มราวกั้นด้านข้างเตียง (เผื่อลูกเรากัดเวลา ที่ลูกเราคันเหงือก) เป็นต้น

เตียงผู้ใหญ่ที่ดัดแปลงสำหรับเด็ก เตียงแบบนี้สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเราสามารถนำเตียงผู้ใหญ่ (ขนาดนอน 1 คน) มาดัดแปลงให้เป็นเตียงของลูกได้ โดยติดตั้งราวกั้นกันตก ซึ่งตรงจุดนี้อาจจะ ต้องจ้างช่างเฟอร์นิเจอร์มาทำเพิ่ม เตียงแบบนี้จะคุ้มค่าที่สุดในระยะยาวเพราะเราสามารถถอดราวกั้นเตียงออกเมื่อลูกโต

ทั้งนี้ทั้งนั้น จะเลือกเตียงแบบใดก็ขึ้นอยู่กับสภาวะการณ์ของแต่ละครอบครัวด้วย เพราะบางครอบครัวอาจจะไม่มีพื้นที่พอจะให้ลูกนอนบนเตียงขนาดใหญ่ ดังนั้นก็ต้องเลือกปรับใช้ให้เหมาะสมกันแต่ละครอบครัวอีกครั้ง นะค่ะ

ที่นอนของลูก บางครอบครัวก็เลือกที่จะให้ลูกนอนบนเบาะ (ซึ่งโดยมากจะทำจากฟองน้ำ หรือวัสดุอื่นที่มีความอ่อนนิ่มมากๆ) ซึ่งจะมีความนุ่ม และอาจจะเกิดอันตรายหากลูกของเรายังเล็ก เพราะหากลูกของเรานอนดิ้น แล้วหน้าไปกดกับที่นอน ที่นอนจะบุ๋มและทำให้หน้าของลูกจมลงไป ทำให้หายใจไม่ออกและเสียชีวิตได้

เราควรจะเลือกที่นอนของลูกให้มีความแข็งสักหน่อย ซึ่งจะนิยมวัสดุอยู่ 2 แบบสำหรับที่นอนของลูก คือ โฟมและสปริง ซึ่งโฟมจะมีน้ำหนักเบากว่าและราคาถูกกว่าที่นอนแบบสปริงค่อนข้างมาก แต่ข้อเสียของที่นอน แบบโฟมคือมักจะเป็นที่นอนที่นิ่ม (ซึ่งก็อาจจะทำให้ลูกหายใจไม่ออก หากลูกเผลอนอนหน้าคว่ำลงไปบนที่นอน)

ส่วนที่นอนแบบสปริงนั้น หากเราเลือกแบบที่มีขดสปริง 150 เกลียวขึ้นไป ก็จะสามารถป้องกันอุบัติเหตุเวลาลูกเผลอนอนแล้วเอาหน้าคว่ำลงไปบนที่นอนได้ เพราะที่นอนสปริงที่มีขด 150 เกลียวขึ้นไปจะมีความแข็ง มากพอ และยังมีอายุการใช้งานได้นานกว่าที่นอนแบบโฟม (ซื้อครั้งเดียว ใช้ได้หลายปี) แต่สิ่งที่เราจะต้องคำนึงเพิ่มเติมด้วยคือ ที่อนนที่เราจะซื้อนั้นจะต้องทำความสะอาดได้ง่าย, ไม่อับ และหากสามารถใส่ (หรือมี) ผ้าหุ้ม กันปัสสาวะซึมเข้าที่ตัวที่นอนได้ก็จะดีมาก เพราะเวลาลูกนอน (ทั้งนอนเล่นและนอนหลับบนเตียง) ก็อาจจะปัสสาวะรดที่นอนได้


ผ้าปูที่นอน

กรณีที่เราเลือกให้ลูกนอนบนเตียงเด็ก ก็ควรจะหาผ้าปูที่นอนที่ทอจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ซึ่งจะมีคุณสมบัตินุ่มและไม่ระคายเคืองต่อผิวของลูก และยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

ผ้ายาง

มีประโยชน์มาก เพราะสามารถกันน้ำได้ หลายครอบครัวจะนำผ้ายางมาปูบนผ้าปูที่นอนก่อน แล้วหาผ้าบางๆ มาปูทับผ้ายาง แล้วค่อยให้ลูกนอนอีกทีเพื่อป้องกันปัสสาวะหรือน้ำอื่นๆ ที่อาจจะเปื้อนลงที่นอน แต่ข้อเสีย ของผ้ายางคือ มันอาจจะทำให้ลูกร้อน เพราะว่าผ้ายางจะดูดซับความร้อนได้ดี

ดังนั้นหากกังวลกลัวว่าลูกจะร้อน ก็ใช้เป็นผ้ากำมะหยี่แบบซับน้ำทดแทนผ้ายางก็ได้เช่นกัน เพราะเนื้อกำมะหยี่จะนุ่ม มีรูระบายอากาศ ทำให้ไม่ร้อนและไม่อับ ลูกจะนอนหลับสบายตัวมากกว่านอนบนผ้ายาง (หากจะเลือก ใช้ผ้ากำมะหยี่แบบซับน้ำ ควรเลือกขนาดผ้าให้ใหญ่หน่อยเผื่อลูกนอนดิ้นนะค่ะ)

ผ้าห่ม

เนื่องจากว่าลูกของเรายังเล็ก ยิ่งถ้าเป็นทารกแรกเกิด การจะห่มผ้าให้ลูกนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าห่มแบบผู้ใหญ่ แต่ควรจะหาผ้าชนิดบาง เพราะหากเป็นผ้าที่หนาเวลาลูกนอนหลับอาจจะทำให้ผ้ามา ปิดหน้าลูกจนหายใจไม่ออก

นอกจากนั้นพ่อแม่ก็ควรที่จะเตรียมห้องนอน (หรือสถานที่ที่จะให้ลูกนอน) ให้เหมาะสมทั้งอุณหภูมิ และแสงสว่าง โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการนอนหลับสบายก็คือ 25 องศาเซลเซียส และควรจะมีแสงสว่างเล็ก น้อย โดยอาจจะใช้ไฟสีส้ม หรือหลอดไฟขนาดเล็กที่มีกำลังไฟ (โวลต์ต่ำๆ) ไม่มาก เพื่อให้ลูกนอนหลับสบาย ซึ่งแสงสว่างนั้นแค่พอมองเห็นตอนกลางคืนนิดหน่อยสำหรับการเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือให้นมลูกตอนดึกๆ ก็เพียง พอแล้วค่ะ
[เตียงเด็ก ห้องนอนเด็ก]





12/25/2555

เลือกซื้อเสื้อผ้าเด็ก และวิธีใส่ให้เด็ก[เสื้อผ้าเด็ก]


เลือกซื้อเสื้อผ้าเด็ก และวิธีใส่ให้เด็ก[เสื้อผ้าเด็ก]

เสื้อผ้าเด็กสมัยนี้ น่ารักจริงๆ เราคนเป็นแม่ เห็นชุดไหนก็น่าใส่ไปหมด แต่รู้ไหมคะ จริงๆแล้วเขาไม่ชอบการถูกจับเปลี่ยนเสื้อผ้าไปมาบ่อยๆ ฉะนั้นคุณแม่ต้องมีเทคนิค ในการเปลี่ยนชุดให้เข้าเร็วและสบายตัวมากที่สุด เพื่อให้เขาน่ารักในชุดน่ารัก และอารมณ์ดีด้วยค่ะ

ใส่เสื้อให้ลูกไม่ใช่่เรื่องยาก

แบบเสื้อผ้าเด็กนั้นจะมีอยู่ 3 แบบหลักๆคือ แบบป้ายหน้า แบบสวมศรีษะ และแบบชุดหมีซึ่งต้องเลือกตามการใช้งานของคุณแม่และคุณลูกน้อยค่ะ

แบบป้ายหน้า

ชุดแบบป้ายผูกจะค่อนข้างเหมาะสมกับเด็กช่วงแรกเกิดถึง 3 เดือนแรก เพราะจะสะดวกในการใส่และถอด แต่ตอนเลือกซื้อต้องมั่นใจว่าไม่มีรอยปมนูน เพราะเวลาลูกนอนคว่ำหรือหงายจะได้ไม่เจ็บ
  1. วางเสื้อไว้บนฟูก โดยแบะตัวเสื้อออก อุ้มลูกวางบนตัวเสื้อ
  2. สวมแขนเสื้อทีละข้าง จากนั้นผูกเชือกหรือติดกระดุมด้านหน้าให้เรียบร้อย แล้วใส่กางเกงตามปกติค่ะ
เสื้อเด็กแบบป้ายหน้า
Tips : วางเสื้อไว้บนฟูก จับตัวลูกไปวางบนเสื้อแล้วค่อยใส่ จะทำให้ใส่ได้ง่ายกว่าที่ยังอุ้มเขาอยู่

แบบสวมศรีษะ

ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อยืดคอกลม ซึ่งคุณควรเลือกที่คอและแขนกว้างซักหน่อย เพราะนอกจากจะทำให้ใส่ได้ง่ายแล้ว เด็กวัยนี้เขาโตเร็ว จะได้ไม่ต้องซื้อใหม่บ่อยๆด้วยค่ะ
  1. ให้ลูกนอนบนฟูกหรือที่นอน จากนั้นรวบชายเสื้อกับคอเสื้อไว้ด้วยกัน ใช้สองมือยืดคอเสื้อให้กว้างที่สุด แล้วสวมผ่านศรีษะ(คุณแม่ต้องคอยประคองคอลูกไว้ด้วยนะคะ)
  2. สวมแขนเสื้อให้ลูกทีละข้าง โดยใช้มือหนึ่งจับเสื้อและมืออีกข้างหนึ่งสอดผ่านแขนเสื้อไปดึงแขนลูกผ่านแขนเสื้อ แล้วดึงชายเสื้อทั้งด้านหน้าและด้านหลังลงมาให้เรียบร้อย
เสื้อเด็กแบบสวมศรีษะ
Tips : รวบแขนเสื้อแล้วใช้มือเราสอดผ่านแขนเสื้อไปดึงแขนลูกจะช่วยให้ใส่แขนเสื้อได้ง่ายขึ้น

แบบชุดหมี

เสื้อผ้าเด็ก ชุดหมีนั้นเหมาะกับการแต่งตัวพาลูกออกไปข้างนอก เพราะเวลาอุ้มลูกเสื้อจะไม่รั้งขึ้นมา
  1. ให้ลูกนอนบนฟูกหรือที่นอน รวบชายเสื้อไว้ด้วยกัน สวมผ่านศรีษะลูก
  2. สอดนิ้วคุณแม่เข้าไปดึงแขนลูกออกมาติดกระดุมตรงไหล่
  3. ดึงเสื้อลงทั้งหน้า-หลัง แล้วติดกระดุมตรงช่วงเป้าให้เรียบร้อย หรือหากเป็นแบบขายาวก็ควรเลือกแบบที่เป็นกระดุมติดตรงช่วงขาจะทำให้ใส่ได้ง่ายขึ้นค่ะ
ชุดหมี
Tips : ชุดหมีควรเลือกแบบที่มีกระดุมติดตรงเป้า จะทำให้ง่ายเวลาเปลี่ยนผ้าอ้อม
[เสื้อผ้าเด็ก]

วิธีเก็บรักษา ทำความสะอาดเสื้อผ้าเด็ก และของเล่น[เสื้อผ้าเด็ก ของเล่น]


วิธีเก็บรักษา ทำความสะอาดเสื้อผ้าเด็ก และของเล่น[เสื้อผ้าเด็ก ของเล่น]

เสื้อผ้าเด็ก ของเล่น หรือสิ่งของเครื่องใช้สำหรับเด็กมีหลากหลาย พ่อแม่ไม่ควรซื้อจำนวนมากเพราะเด็กเล็กมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว ทำให้เครื่องใช้บางประเภทอาจใช้ได้ไม่คุ้มค่า ดังนั้นการดูแลรักษาเครื่องใช้จึงเป็นสิ่งจำเป็น ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่อง และทำให้เครื่องใช้นั้นปลอดภัยจากเชื้อโรค เนื่องจากเด็กๆ ในวัยนี้ยังมีขีดจำกัดในการป้องกันการติดเชื้อโรค เพราะการสร้างภูมิต้านทานด้วยตนเองยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ เด็กปฐมวัยเป็นวัยแห่งการซุกซน พิสูจน์สิ่งแวดล้อมรอบตัว ชอบเล่นของเลอะเทอะ สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กมีโอกาสรับเชื้อโรคได้ง่าย อีกทั้งเป็นการสร้างสุขนิสัยเกี่ยวกับความมีระเบียบ แบบแผนในอนาคต


วิธีการเก็บรักษา ของเล่นเด็ก
  1. ควรแยกสิ่งของเครื่องใช้ของเด็กไว้เป็นหมวดหมู่เพื่อง่ายต่อการหยิบใช้ และแยกเฉพาะของเด็กไม่ปะปนกับผู้ใหญ่
  2. ก่อนเก็บต้องดูแลให้เครื่องใช้ของเด็กสะอาดเสียก่อน
  3. เครื่องใช้เด็กบางชนิดต้องเก็บตามข้อแนะนำของบริษัทที่ผลิต เช่น ของเล่นที่เป็นไม้ต้องเก็บในที่แห้ง เพื่อป้องกันความชื้นอาจทำให้เกิดเชื้อรา ของเล่นที่เป็นยางกัดไม่ควรเก็บใกล้ที่มีความร้อนหรือมีของแหลมทิ่มแทงได้ เป็นต้น

การทำความสะอาดเครื่องใช้ โดยแบ่งตามประเภทเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับเด็ก

1. เสื้อผ้าเด็ก
1.1 แยกทำความสะอาดเสื้อผ้าเด็กต่างหากจากเสื้อผ้าของสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว โดยเฉพาะเสื้อผ้าของเด็กทารก
1.2 ผ้าเปื้อนปัสสาวะควรขย้ำในน้ำธรรมดา 1 ครั้ง ส่วนผ้าเปื้อนอุจจาระ ควรใช้น้ำธรรมดาราดผ้าเปื้อน เพื่อให้เศษอุจจาระหลุดออก แล้วแช่ไว้ในน้ำธรรมดาหรือน้ำผสมน้ำยาซักผ้าก่อนนำไปซักให้สะอาด
1.3  ใช้น้ำยาซักผ้าที่ผลิตขึ้นเพื่อทำความสะอาดเสื้อผ้าของเด็กโดยเฉพาะเพื่อป้องกันสารตกค้างที่คงอยู่กับเสื้อผ้าแล้วทำให้เกิดความระคายเคืองกับผิวหนังเด็กได้
1.4 ควรตากเสื้อผ้าเด็กกลางแดดจัดให้แห้งสนิทเพราะแดดจัดจะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ดี

2. ขวดนม ขวดน้ำ
การทำความสะอาดอย่างถูกวิธีจะช่วยลดเชื้อโรคที่ติดอยู่ในขวดนมซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดโรคท้องเสีย และยืดอายุการใช้งาน
2.1 ควรทำทันทีที่เด็กดูดนมหมดขวดเพื่อป้องกันนมบูดเน่าติดอยู่ในขวดแล้วเป็นแหล่งเพาะเชื้อท้องเสียให้กับเด็ก
2.2 ในกรณีไม่สามารถทำได้ทันที ควรล้างน้ำเปล่าให้คราบนมในขวด จุกนมและฝาครอบนม หมดไปแล้วแช่ในน้ำเปล่าจมมิดถึงคอขวดหรือไม่มีฟองอากาศ
2.3 ล้างให้สะอาดอีครั้งด้วยน้ำยาล้างขวดนม ด้วยการใช้แปรงล้างขวดนมขัดถูด้านในขวด คอขวด และเกลียวให้คราบนมหลุดลอกออก โดยเฉพาะหัวนมยางให้ใช้แปรงขัดคราบพร้อมทั้งบีบน้ำผ่านหัวนมยางด้วย
2.4 ก่อนนำกลับมาใช้ใหม่ต้องฆ่าเชื้อโรคในขวดนม ซึ่งทำได้ 3 วิธีคือ
  • ต้มในน้ำเดือด เติมน้ำสะอาดจนท่วมทุกชิ้นส่วน ต้มในน้ำเดือดนาน 25 นาที เก็บชิ้นส่วนทั้งหมดขึ้นจากหม้อต้ม หากยังไม่ใช้ทันที ให้นำไปเก็บไว้ในที่สะอาดมีฝาครอบ การต้มแม้จะเป็นวิธีที่ประหยัดแต่การฆ่าเชื้อด้วยการต้มอาจทำให้หัวนมยางเสื่อมสภาพเร็ว
  • การนึ่ง โดยให้น้ำเดือดกลายเป็นไอนาน 15-20 นาที
  • ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหรือเม็ดยาฆ่าเชื้อ โดยนำยาฆ่าเชื้อผสมกับน้ำสะอาดในภาชนะที่จะใช้แช่ขวดนม นำชิ้นส่วนของขวดนมลงแช่กดให้ชิ้นส่วนของขวดนมจมอยู่ในน้ำ โดยเฉพาะส่วนขวดควรไล่อากาศออกให้หมด จากนั้นปิดฝาภาชนะไว้นาน 25 -30นาที หรือตามคำแนะนำการใช้ยาชนิดนั้นๆ น้ำยาอาจจะมีกลิ่นติดที่ขวดนม และชิ้นส่วนเล็กน้อย เพื่อความสบายใจของพ่อแม่ก่อนใช้จะล้างด้วยน้ำต้มสุกได้
3. ของเล่นเด็ก
       เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและแพร่เชื้อโรคได้อย่างดี เพราะเด็กเล็กชอบนำของเล่นเข้าปาก เด็กชอบเล่นกับดินทราย ซึ่งมักมีเชื้อโรคปะปนอยู่มาก ของเล่นที่ดูแลรักษาไม่ดีพออาจเป็นแหล่งสะสมฝุ่นหรือสัตว์ประเภทไรฝุ่น เป็นสาเหตุการเกิดภูมิแพ้ในเด็กได้ การทำความสะอาดจึงเป็นสิ่งจำเป็นดังนี้
3.1 แยกประเภทของเล่นเช่น ผ้า ไม้ พลาสติก กระดาษ เป็นต้น เพื่อการทำความสะอาดให้เหมาะสมกับประเภทของเล่น
3.2 ของเล่นผ้าควรซัก ตากแดดให้แห้งทำทุก 1 สัปดาห์หรือเมื่อสกปรก
3.3 ของเล่นพลาสติกใช้น้ำสบู่ล้าง หรือผ้าชุบน้ำเช็ด หรือแช่น้ำยาล้างขวดนม ผึ่งให้แห้งควรทำความหลังการเล่นทุกครั้งหรือทุกวัน
3.4 กระดาษ หนังสือ ใช้ผ้าเช็ดให้สะอาดเก็บในที่มิดชิดจากฝุ่นและแมลง
3.5 โลหะหรือเหล็ก ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดแล้วตามด้วยผ้าสะอาดให้แห้งทันที เพื่อป้องกันการเกิดสนิม
        ของเล่นทุกชนิดหลังทำความสะอาดควรเก็บในกล่อง หรือใช้ผ้าคลุมให้มิดชิดป้องกัน ฝุ่น ไรฝุ่น แมลง หรือปนเปื้อนกับสิ่งสกปรก ที่สำคัญควรสอนให้เด็กเก็บของเล่นให้เป็นระเบียบหลังการเล่นเพื่อฝึกวินัยและความรับผิดชอบ

Toy

ที่นอน เตียงนอน ผ้าห่ม
        เด็กเล็กที่ยังควบคุมการขับถ่ายไม่ได้ มักถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะรดที่นอน ดังนั้นที่นอนจึงเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคและแหล่งสะสมกลิ่น การทำความสะอาด ดังนี้
4.1 เตียงนอน ใช้ผ้าชุบน้ำผสมน้ำยาทำความสะอาดเสื้อผ้าหรือผงซักฟอกเช็ดตามซอกมุมให้สะอาด ตามน้ำเปล่า และผ้าแห้ง
4.2 ที่นอน ที่มีพลาสติกคลุมใช้ผ้าชุบน้ำผสมน้ำยาทำความสะอาดเสื้อผ้าหรือผงซักฟอกเช็ดตามซอกมุมให้สะอาด ตามด้วยผ้าสะอาดให้แห้ง นำชิ้นส่วนข้างในผึ่งแดด ถ้าเป็นชนิดนุ่นนำผึ่งแดด
4.3 ผ้าห่ม ซักทุกครั้งที่ปนเปื้อนอุจจาระ ปัสสาวะ ถ้าไม่ปนเปื้อนอุจจาระ ปัสสาวะ ซักอาทิตย์ละครั้ง หรือตากแดดทุกวัน

นอกจากการเก็บรักษาและการทำความสะอาดเสื้อผ้าเด็ก และของเล่นแล้ว สิ่งที่พ่อแม่และผู้ดูแลเด็ก ต้องคำนึงถึง ได้แก่ พื้นที่อยู่อาศัย ซึ่งจะต้องมีการระบายอากาศที่ดี แสงสว่างพอเหมาะ มีความสะอาด และถูกสุขลักษณะ คือ มีน้ำสะอาด สำหรับดื่ม และใช้สอย มีการกำจัดขยะ และสิ่งสกปรกต่างๆ อย่างเหมาะสม สภาพแวดล้อมปลอดภัย ไม่เป็นพิษ โดยเฉพาะจากสารตะกั่ว จากเสียงดังมากๆ จากอากาศเสีย ตลอดจนควันและฝุ่นละออง ที่มีมากเกินมาตรฐาน ซึ่งทั้งหมดนี้ อาจจะเป็นเหตุให้เด็กเจ็บป่วย พิการหรือตายได้
[เสื้อผ้าเด็ก ของเล่น]

หลักการเลือกซื้อเสื้อผ้าเด็ก [เสื้อผ้าเด็ก]


หลักการเลือกซื้อเสื้อผ้าเด็ก [เสื้อผ้าเด็ก]

การเลือก เสื้อผ้าเด็ก โดยสิ่งที่ควรคำนึงถึง ในการเลือกซื้อหรือจัดเตรียม เสื้อผ้าสำหรับเด็กอ่อน หรือ ลูกน้อยของคุณๆ มีดังนี้ 
1. ควรเป็นเส้นใยธรรมชาติ เช่น เส้นใยฝ้าย ซักล้างง่าย สามารถใช้กับเครื่องซักผ้าได้ 
2. สวมใส่ สะดวก สบาย สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย เพราะเด็ก จะขับถ่ายบ่อย 
3. ควรเป็น ชุดที่สามารถ รักษาอุณหภูมิ ของร่างกายได้ดี 
4. ปลายแขนเสื้อ หรือปลายขา ควรเป็นแบบธรรมดา และถุงมือ ถุงเท้า ควรแยกชิ้นต่างหาก 
5. คอเสื้อเด็ก ควรกว้าง และยืด
[เสื้อผ้าเด็ก]


เสื้อผ้าเด็กแบบผ้าฝ้าย [เสื้อผ้าเด็ก]


เสื้อผ้าเด็กแบบผ้าฝ้าย (cotton)[เสื้อผ้าเด็ก]

เป็นผ้าที่นิยมใช้ทำเสื้อผ้าเด็กชนิดต่างๆ มีราคาค่อนข้างสูง สมบัติทั่วไปของผ้าฝ้ายก็คือ สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี
ซับเหงื่อได้ดีเยี่ยม เนื้อผ้าจะมีลักษณะด้าน แต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน คือมันจะยับง่าย เมื่อซักบ่อยๆ ก็จะย้วย

ผ้าฝ้ายผสมกับผ้าใยสังเคาะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าผ้า T/C หรือ TC


เป็นผ้าที่มีส่วนผสมเป็นใยสังเคราะห์ และนำเนื้อฝ้ายเข้ามาผสมรวมด้วย
คุณสมบัติก็จะอยู่กลางระหว่างผ้า cottonและผ้า TK ผ้าชนิดนี้นิยมทอผ้าให้มีลักษณะเป็นรู
เนื่องจากผ้าประเภท TK และ TC มีสมบัติในการระบายอากาศที่ไม่ค่อยดีนัก การทอผ้า
จึงนิยมทอผ้าให้มีรูเล็กๆ เพื่อช่วยระบายอากาศ และเพื่อความสบายในการสวมใส่เนื้อผ้า
จะมีลักษณะความมัน (น้อยกว่า TK)

ดังนั้นแล้วควรเลือกซื้อเสื้อผ้าเด็กที่ผลิตจากผ้าฝ้ายซึ่งเป็นเส้นใยธรรมชาติจะไม่ทำให้เด็กเกิดการะคายเคือง ระบายอากาศได้ดี ซับเหงื่อได้
[เสื้อผ้าเด็ก]